เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. ที่ชั้น 4 ห้อง ศปก.ภ.7 อาคารกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ถนนเหนือวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต.สมชาย รักเสนาะ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงษ์ ผกก.สืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.พิศุทธิ์ ศุกระศร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.ยุทธชัย มีสายมงคล สารวัตรสืบสวน กองกำกับการตำรวจภูธร จังหวัดกาญจนบุรี ว่าที่พ.ต.ต.ยุทธนา เมตตา สารวัตรสืบสวน หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี
พร้อมชุดรับมอบตัว ได้ร่วมกันนำตัว นายปริญญ์ หรือ นาย อายุ 18 ปี อยู่ตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ต้องหา 1 ใน 6 คน ที่ร่วมกันทำร้ายร่างกาย นายกฤษดา หรือ เอิร์ท อ่อนน้อม อายุ 19 ปี เสียชีวิต และนายพีระพงษ์ หรือ นิก เรื่องจันทร์ อายุ 20 ปี บาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณริมถนนแสงชูโตหน้าร้านอาหารอิสลามดาววุดชา ใกล้กับร้าน อาราเบียนเฮ้าส์ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อคืนวันที่ 6 ธันวาคม 2558 มาแถลงข่าวการมอบตัว หลังมารดาพาเข้ามอบตัวกับผู้บังคับการตำรวจภูธรกาญจนบุรี เมื่อคืนที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เผยว่า นายปริญญ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ผู้ต้องหาที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดกาญจนบุรี ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ ซึ่งก่อนหน้า เพื่อนที่ร่วมมือได้ถูกจับกุมแล้ว 2 ราย และเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว 1 ราย โดยนายบดินทร์เป็นรายที่ 4 ในจำนวนผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ที่เข้ามอบตัวกับตำรวจ ซึ่งยังคงเหลือเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุอีก 2 คน ที่ยังหลบหนี คือ นายนิตินัย หรือ มอส วัชรานุทัศน์ อายุ 24 ปี กับ นายชัยนุวัฒน์ หรือ ต้น รอดภัย อายุ 23 ปี อยู่ระหว่างหลบหนี สำหรับสาเหตุจากที่ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวและจับกุมได้แล้ว กล่าวอ้างว่า เป็นการเข้าใจผิดคิดว่าผู้ตายกับเพื่อน เคยมีเรื่องกันมาก่อน
ด้านนางปราณี อายุ 44 ปี อาชีพแม่บ้าน มารดาของนายปริญญ์ ผู้ต้องหา ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเผยว่า หลังเหตุเกิดได้ดูคลิปเหตุการณ์ 1 ครั้ง เห็นแล้วรู้สึกเสียใจกับการกระทำของลูกชายตัวเองและเพื่อนๆ ตนเองกับสามีซึ่งเป็นตำรวจมีลูกชาย 2 คน คือ นายปริญญ์ กับน้องชายอีกคนอายุ 13 ปี ทั้งคู่ยังอยู่ระหว่างศึกษา ไม่คิดมาก่อนว่าลูกชายจะกล้าทำร้ายผู้อื่น อย่างโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุมาจากความมึนเมา
“ขอกล่าวคำขอโทษไปถึงญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นไปได้ไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เข้าใจในความรู้สึกของผู้สูญเสีย”
ขณะที่นายปริญญ์ หรือ นาย ผู้ต้องหาได้กล่าวยอมรับว่า คืนเกิดเหตุไม่รู้จักกับผู้ตายมาก่อน ด้วยความเมาเห็นเพื่อนลงมือจึงเข้าร่วมลงมือด้วย โดยใช้ไม้เบสบอลฟาด โดยตนรู้สึกเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น และขอโทษกับทุกคนทุกฝ่ายและขอโทษคุณพ่อด้วย ที่ตัวเองได้ทำความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับครอบครัว
ขณะที่ พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า ขอฝากไปถึงผู้ต้องหาอีก 2 ราย ที่หลบหนีอยู่ ขอให้เข้ามอบตัวกับตำรวจเพื่อต่อสู้คดี ทางตำรวจยินดีให้ความเป็นธรรม ไม่อยากให้หลบหนี เพราะถึงจะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือกฎหมาย และขอฝากไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองหรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทของคนทั้งสอง หากพบตัวขอให้พาเข้ามอบตัวดีกว่าหลบหนี
ขณะที่ พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวเสริมในตอนท้ายว่า ในส่วนของทางตำรวจ ได้สั่งการให้ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เข้าไปดูแลเยี่ยมเยียน ครอบครัวผู้สูญเสีย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ หากมีสิ่งใด ที่เป็นเบาะแส ก็ขอให้แจ้งเบาะแสให้ทางตำรวจทราบ ซึ่งเชื่อขวัญและกำลังใจของผู้สูญเสียจะดีขึ้น พร้อมทั้งได้ประสานให้ทางผู้เสียหาย ได้รับสิทธิ์การบรรเทาทุกข์ ในฐานะผู้ถูกกระทำ จากกระทรวงยุติธรรมตามกฎหมายด้วย
Source: http://www.khaoden.com/2015/12/18-19.html