ระทึกเกาะเกร็ด! ไฟไหม้เรือสำราญราคา 20 ล้านวอดทั้งลำ-นักท่องเที่ยวหนีตายอลหม่าน

  เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 24 ธ.ค. ร.ต.ท.สวิช สืบเพ็ง ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้เรือท่องเที่ยว ที่บริเวณท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาส หมู่ 7 ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอปากเกร็ด เรือดับเพลิงเทศบาลนครปากเกร็ด และเรือดับเพลิง อบต.เกาะเกร็ด เร่งระงับเหตุ


 ที่เกิดเหตุเป็นท่าเรือด้านหลังวัดดังกล่าว ใกล้เคียงเจดีย์เอียงสัญลักษณ์เกาะเกร็ด พบเรือต่อที่ทำด้วยไม้ทั้งลำ ตกแต่งเป็นลวดลายไทย ชื่ออนันตรา ครุยส์ 2 เลขที่ 381000078 ขนาด 12 ผู้โดยสาร ไฟกำลังลุกไหม้โชนทั้งลำ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอส.ฝ่ายปกครองกว่า 50 นายเร่งระดมฉีดน้ำเพื่อดับไฟ แต่ไม่เป็นผล ทำให้เรือทั้งลำไหม้เสียหายเกือบทั้งหมด


เจ้าหน้าที่ใช้เรือดับเพลิงทั้งหมด 3 ลำใช้เวลาในการดับไฟกว่า 1 ขม. แต่จากความเสียหายดังกล่าวทำให้เรือด้านหลังทะลุ น้ำเข้าด้านในและกำลังจม เจ้าหน้าที่ค้องใช้เรือลากจูงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อไปเกยตื้นยังฝั่งตรงข้าม เนื่องจากบริเวณเกิดเหตุเป็นช่วงที่แม่น้ำมีความลึกมากลำบากต่อการกู้ซากเรือดังกล่าว
 

 จากการสอบสวนนายณรงค์ พงสงฆ์ กัปตันเรือ ทราบว่าขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยว 5 คน ลูกเรือและตนอีก 4 คน รวมทั้งหมด 9 คน ตนได้นำเรือเดินทางออกมาจากโรงแรมอนัตรา กรุงเทพฯ เพื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 5 คนไปจังหวัดอยุธยา ล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อเข้าเขตเกาะเกร็ด ไฟเกิดลุกไหม้ที่ห้องเครื่องด้านท้ายเรือ ตนและลูกเรือได้พยายามใช้เครื่องดับเพลิงฉีดระงับไฟแต่เอาไม่อยู่ จึงตัดสินใจจอดเรือที่ท่าเรือของวัด และให้นักท่องเที่ยวขึ้นจากเรือพร้อมขนกระเป๋าเดินทางและสิ่งของจำเป็นออก และขอความช่วยเหลือ


 หลังเกิดเหตุ นายโวเกิร์ต เกิร์ลเทน ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ในเรือมีนักท่องเที่ยวต่างชาติผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 1 คน พร้อมลูกเรือคือกัปตันที่ 1 กัปตันที่ 2 เชฟ และพนักงานทั่วไปอีก 1 คน รวมทั้งหมดมีผู้โดยสาร 9 คน สำหรับเรือที่เสียหายนั้นทั้งหมดคิดเป็นมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก แต่โชคดีที่ผู้โดยสารปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด
 

 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งนำตัวผู้โดยสารทั้งหมดเข้าสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.ปากเกร็ด โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงในครั้งนี้ต่อไป
 
Source:  http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1450966113