พ.ต.ท.ปวัชร์ชัย สุดสคร รอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งมีเรือโดยสารขนาดใหญ่เกิดเพลิงลุกไหม้ ขณะจอดลอยลำอยู่ที่บริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวเมืองพัทยา (แหลมบาลีฮาย) พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงประสานหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมืองพัทยา และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา นำกำลังพร้อมรถน้ำดับเพลิงรวม 3 คัน รีบรุดไปที่เกิดเหตุพบกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่มาใช้บริการเรือข้ามฟาก ต่างแตกตื่นตกใจและพากันมามุงดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องรีบเคลียร์คนออกจากพื้นที่สะพานท่าเทียบเรือ เพื่อเปิดทางให้รถดับเพลิงและรถพยาบาลเข้ามา ห่างออกจากฝั่งไปประมาณ 50 เมตร พบเรือโดยสารขนาด 2 ชั้น สีขาว ชื่อ “เพชรธาดา 10” ของบริษัท เพชรธาดา ทราเวล จำกัด ซึ่งเป็นเรือนำเที่ยวระหว่างเมืองพัทยาไปเกาะล้าน จอดลอยลำอยู่ในสภาพมีเพลิงลุกไหม้ตัวเรืออย่างรุนแรง กลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก ทางเจ้าของเรือสปีดโบ๊ตหลายลำที่อยู่ใกล้เคียง จึงรีบนำเรือสปีดโบ๊ตเข้าไปใกล้ๆ แล้วยกใบพัดเครื่องยนต์ทำการพัดน้ำทะเลขึ้นไปดับไฟในเบื้องต้น แต่เนื่องจากเพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว ภายหลังจึงลากเรือโดยสารลำดังกล่าวเข้ามาใกล้ๆ สะพาน เพื่อให้รถดับเพลิงระดมฉีดน้ำ โดยใช้เวลาไปประมาณ 30 นาที เพลิงจึงสงบ จึงได้เข้าตรวจสอบพบว่า เรือถูกไฟไหม้จนได้รับความเสียหายทั้งลำ นอกจากนี้ ยังมีเรือโดยสาร 2 ชั้นของบริษัทเดียวกันจำนวน 2 ลำ ที่พยายามเข้าไปช่วยดับไฟตั้งแต่ตอนแรก ถูกไฟลามมาไหม้ผ้าและเสื้อชูชีพที่แขวนอยู่ข้างเรือ ได้รับความเสียหายเล็กน้อยด้านนางราตรี เคารพครู อายุ 64 ปี หุ้นส่วนบริษัท เพชรธาดา ทราเวล จำกัด ให้การว่า เรือดังกล่าวเป็นเรือโดยสารขนาด 40 ที่นั่ง ซึ่งปกติจะให้บริการนำเที่ยวจากเมืองพัทยาไปยังเกาะล้าน และเกาะไผ่ โดยก่อนหน้านี้เรือมีปัญหาด้านเครื่องยนต์จึงนำมาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมบาลีฮายนานกว่า 3 เดือนแล้ว เพื่อรอช่างมาซ่อมแซม กระทั่งลูกน้องซึ่งมีหน้าที่เป็นคนเฝ้าเรือโทรศัพท์มาบอกว่าเรือเกิดเพลิงไหม้โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงเดินทางมาตรวจสอบ ส่วนค่าเสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท

ภายหลังจากการสอบสวนเบื้องต้นทางตำรวจจึงอายัดเรือลำดังกล่าวไว้ พร้อมกับจะได้สอบปากคำพยานแวดล้อมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 (ชลบุรี) ให้มาทำการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเพลิงไหม้ในครั้งนี้อีกครั้ง
Source: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1450837436