เอาแล้วไง!! โอปอ ใจแทบสลาย เมื่อลูกสาวน้องอลิน ต้องผ่าตัดสิ่งนี้ออกจากตัว


วันที่ 29 ธ.ค. ที่ บริษัท GDH559 จำกัด สุขุมวิท 31 ในงานแถลงข่าวการจับมือกันร่วมเปิดตัวบริษัทหนังค่ายใหม่ บริษัท GDH559 จำกัด ซึ่งมีคุณแม่ลูกแฝด โอปอล์-ปาณิสรา อารยะสกุล มาร่วมงาน ได้ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกหลังคลอดลูกแฝด ‘อลิน-อลัน’ ว่า “เป็นครั้งแรกที่ให้สัมภาษณ์ยาวตั้งแต่ปอล์นอน รพ. เดือน ส.ค. ค่ะ เพิ่งได้ออกมาเจอคนค่ะ ชีวิตตอนนี้ก็เป็นคุณแม่ค่ะ ปอล์กลัวคนเกลียดปอล์มาก ที่อัพแต่รูปลูกในไอจี แต่ว่าเราไม่ได้ออกไปไหนจริงๆ ถ้าคนไปเที่ยวก็อัพรูปเที่ยว แต่เราอยู่กับลูกตลอดจริงๆ ก็ยังเป็นโอปอล์เหมือนเดิม แต่แค่อยู่กับลูกเท่านั้นเอง คือตอนท้องแรกๆ ก่อนปอล์นอนรพ. ปอล์ก็คิดว่าเดี๋ยวท้องแล้วก็มีลูก มันก็น่าจะมีความสุข แต่ว่าตั้งแต่นอน รพ. ยาว ช่วงนั้นไม่กล้าดูรูปลูกรูปเด็กเลย ชุดที่ซื้อเตรียมไว้ให้ลูกไม่กล้าแตะไม่กล้ามอง ไม่กล้าคาดหวังว่าเราจะได้อุ้มด้วยซ้ำ พอวันนึงเขาคลอดมาแล้วแข็งแรง ตอนคลอดน้องหนักแค่ 1,000 กรัม คือตัวเล็กเท่าขวดน้ำ เราร้องไห้ทุกวัน จนตอนนี้เขาหนักจะ 4 กก. แล้ว มันเป็นความสุขที่ดูหน้าเขาแล้วรู้สึกว่าสุดท้ายก็มีวันนี้ค่ะ”

แล้วสุขภาพเป็นไงบ้าง? “ก็จริงๆ โชคดีที่อลินกับอลันเขาเกิดก่อนกำหนด 3 เดือน ซึ่งจริงๆ ตอนคลอดเรากังวลหลายเรื่องมากว่าระบบข้างในยังไม่แข็งแรงพอ แต่พอออกมาปุ๊บ กลายเป็นลูกเราไม่ต้องใช้ออกซิเจนช่วย ปอดแข็งแรงทั้งหมด ไม่ต้องมีสายระโยงระยางอะไรมาก แต่อลินจะมีปัญหาลิ้นหัวใจนิดนึง ซึ่งคุณหมอบอกว่าเป็นห้องที่รักษาง่ายที่สุด ไม่ต้องกังวลแล้วเพราะว่าพอน้ำหนักเขามากขึ้น เดี๋ยวก็มีการทำบอลลูนช่วงปีหน้า น้องแข็งแรงเราก็แฮปปี้มาก”

กังวลไหมเพราะน้องตัวเล็กมาก “คือตอนที่รู้ว่าลูกหัวใจไม่แข็งแรงตั้งแต่คลอดได้วัน 2 วัน แล้วหนัก 1,000 เดียว เราก็กังวลว่าจะรักษายังไง เราก็เหมือนใจจะขาดนะ แต่พอมาตอนนี้หมอบอกว่าหนักสัก 6-8 กก. ก็ทำบอลลูนเข้าไปได้ง่ายแล้ว เราก็คิดบวกก่อนว่ามันจะต้องทำได้เพราะเขา survive (พยายามเอาชีวิตรอด) มาตั้งแต่ตอนแรกที่โอกาสรอดแทบไม่มีจนถึงตอนนี้ เราก็เชื่อว่าลูกเรารอด ลูกเราแข็งแรงอยู่แล้ว ก็ทำครั้งเดียวค่ะ ถ้ารักษาเรื่องลิ้นหัวใจลูกก็แข็งแรงเป็นปกติ ตอนนี้ก็โด๊ปนมแม่เรื่อยๆ เราเห็นตัวเองแล้วอ้วนมากอยากลดมาก แต่ก็ต้องบิวท์ตัวเองเพื่อนมแม่ ทำน้ำหนักให้ลูกเราดีที่สุดก่อน”

ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษไหม? “พิเศษทุกอย่างค่ะเราไม่เคยคิดว่าคนเลี้ยงลูกจะเหนื่อยอะไรนักหนา แต่พอมีเองคือเด็กจะตื่นทุก 3 ชม. แล้วระหว่าง 3 ชม. ก็มีตื่นด้วย ถ้ามีคนเดียวยังหลับไปพร้อมลูกได้ แต่พอมี 2 คนแล้วเขาหลับไม่พร้อมกัน ทางแม่ก็ต้องสแตนด์บาย ไม่ได้นอนเต็มๆ ตั้งแต่มีลูกค่ะ”

เห็นก่อนหน้านี้ตอนเราลุกขึ้นยืนแล้วเหมือนไฟช็อต? “คือตั้งแต่รู้ว่าต้องนอน รพ. ประมาณกลางเดือน ส.ค. ทุกเช้าจะมีคนเช็ดตัวให้ กินนอนขับถ่ายบนเตียง สระผมอาทิตย์ละครั้ง โจทย์คือทำน้ำหนักให้มากที่สุดเพื่อลูกค่ะ ตัวก็นอนขยายเต็มเตียงแล้วขยับไม่ได้ พอหลังจากนอนราบขึ้นมานั่งกิน เลือดออกเต็มเตียงเลย เราก็รู้สึกว่าปากมดลูกเราเปิดอีกแล้ว ก็เลยทำใจไม่ขยับอะไรทั้งนั้น นอน 2 เดือนกว่า พอวันจะคลอด มันต้องมีการชั่งน้ำหนักก่อนคลอด วันนั้นเป็นวันแรกที่ต้องลุกแล้วขามันเย็น ยืนไม่ได้เลย แล้วมันเหมือนไฟช็อตเท้าแล้วล้มไป ตัวอ้วนมาก พยาบาลและพี่โอ๊คก็ต้องมาช่วยโกยปอล์ขึ้น จนตอนนี้ยังเดินไม่ค่อยได้ดีเพราะว่าเหมือนเรานอนนานแล้วมันยึดตรงสะโพก เวลาเดินเหมือนไทนาโดซอรัส (ยิ้ม) ปอล์จะมีคนพยุงตลอด”

ตอนนั้นท้อใจไหม? “ตอนนั้นมันแย่มากเพราะว่าวันที่ไปหาหมอคือวันที่ปอล์คิดแค่ว่าคือการฝากท้องน่ะ กะว่าพรุ่งนี้ถ่ายรายการแล้วไปหาหมอเสร็จจะไปเล่นโยคะต่อ แล้วเราไม่คิดว่าจะเกิดสิ่งนี้กับเราค่ะ ปอล์ยอมนอนอีกเป็นปีเลย แต่ที่มันแย่คือ เราไม่รู้ว่าลูกเราจะแข็งแรงรึเปล่า ไม่มีใครการันตีได้ว่าลูกเราจะรอดรึเปล่าด้วยซ้ำ ถ้าไม่เป็นพ่อแม่ไม่เข้าใจหรอก คือให้เราตายแทนได้ ให้ลูกเรานอนอีกเป็นปีก็ได้ถ้าลูกเราแข็งแรง มันไม่มีสักนาทีเดียวที่เราสามารถเอ็นจอยได้ คิดแต่ว่าลูกเป็นยังไงๆ นอนอยู่ทำไมเลือดเต็มเตียง เราก็รู้ว่าคนรอบข้างพยายามที่จะให้กำลังใจ ถ้าตอนนั้นไม่มีพี่โอ๊คก็ตายแน่ พี่โอ๊คเป็นคนที่เช็ดอึเช็ดฉี่ พลิกตัว อยู่กับเราตลอด มือเราบวมจนใส่แหวนแต่งงานไม่ได้ มันแย่มาก เขาไม่ให้ดูกระจก ถ้าไม่มีพ่อแม่ พี่โอ๊คตายแน่ๆ เพราะมันไม่ได้หดหู่แค่ตัวเรา แต่คือลูกเราด้วยค่ะ”

ช่วงที่เราไม่สบาย หมอโอ๊คแอบร้องไห้คนเดียวหลายครั้ง? “พี่โอ๊คก็จะมานอนในห้องคลอด ปอล์ไม่ได้นอน รพ. ในห้องพิเศษ แต่นอนในไอซียูห้องคลอด ปอล์นอนอยู่ในจุดที่เขาเข็นปอล์ไปได้ตลอด วันนั้นเขาไปทำงาน ปอล์ก็ไม่รู้อะไร ปอล์ปิดข่าวเพราะปอล์ไม่อยากตอบคำถามคน มันเศร้าที่ต้องบอกว่าปอล์เป็นอะไร ไม่อยากให้ใครมาสงสาร จนวันนั้นคนแท็กข่าวที่พี่โอ๊คสัมภาษณ์แล้วร้องไห้ ตอนนั้นก็เลยรู้ว่าที่เราเห็นว่าเขาพยายามยิ้ม พยายามเข้มแข็ง พยายามอ่านหนังสือให้เราฟัง จริงๆ แล้วเขาก็แย่มาก แต่ก็ต้องพยุงค่ะ”

ตอนนี้กำลังใจเต็มที่แล้ว? “ตอนนี้กำลังใจเต็มที่ค่ะ มันทำให้รู้จริงๆ ว่าเราต่อรองกับความตายไม่ได้ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้สึกว่ามีอะไรที่เราจะทำไม่ได้ เราไหว้พระทุกวัน เราขอให้ลูกแข็งแรง มันต่อรองกับอะไรไม่รู้ จนกำลงใจจากคนรอบข้างค่อยๆ ทำให้เข้มแข็งขึ้นและเห็นคุณค่าในสิ่งที่มี ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ เราไม่รู้เลยว่าเราได้อยู่กับคนที่ดีที่สุดอย่างพี่โอ๊ค การได้อุ้มลูกมันคือที่สุดค่ะ เพราะตอนเราคลอดลูกออกมามันไม่เหมือนโมเม้นต์ห้องคลอดที่ถ่ายรูปออกมาแบบพ่อแม่ลูก ตอนนั้นเราเห็นหมอยืนปลายเตียงเต็มเลย พออุ้มลูกมาเราลุ้นแค่ว่าลูกเราร้องใช่ไหม เขาไม่ร้องคือเราตายตรงนั้นเลยนะ พอเขาร้องเสียงเบาๆ มาก็โล่ง หมอก็เอาเข้าตู้อบไป เราไม่ได้อุ้มลูกเลยค่ะ แล้วเป็นเดือนกว่าที่ลูกจะออกจากตู้ แล้วอุ้มลูกมาใส่อกเราได้ คนที่คลอดลูกแล้วอุ้มลูกกลับบ้านได้เลย เวลาเราเห็นรูปในไอจีแล้วรู้สึกว่าเขารู้ไหมว่านั่นคือดีแค่ไหน กับเราที่ต้องทิ้งลูกไว้ใน รพ.อยู่ตั้ง 2 เดือน” ทำให้กลัวการมีลูกไปเลยไหม? “เอาจริงๆ นะคะ กลัวซิคะ ไม่เสี่ยงแล้วค่ะ เดชะบุญที่มาคู่ครบหญิงชาย เราไม่ต้องการอะไรแล้ว ก็ปรึกษาหมอว่าถ้ามีลูกอีกเนี่ย โอกาสอาจจะถึงขั้นเย็บปากมดลูกแล้วนอนเหมือนเดิม ทางเราก็ไม่อยากเย็บปากมดลูกเนอะ เรากังวล ก็เลยไม่เอา”

ตอนนี้น้องทั้งสองคนก็เป็นขวัญใจ หลายคนก็รอลุ้นดูน้อง รู้สึกยังไง? “อย่าคาดหวังอะไรกับลูกดิฉันเลย (ยิ้ม) ลูกสาวหน้าเหมือนปอล์มากจริงๆ เหมือนปอล์ก่อนทำจมูกอะ ลูกไม่ได้จมูกพ่อ แต่ลูกชายโขกบล็อกพ่อมาเลย เราก็เลยโล่งใจ ส่วนลูกสาวถึงจะไม่สวยมากแต่เราก็มีแอดติจูดนะลูก (ยิ้ม)”

จะกลับมารับงานเหมือนเดิมเมื่อไหร่? “ก็ขอบคุณทุกคนที่จ้างเรานะคะ ทันทีที่เรานอน รพ. รายการต่างๆ ที่เราทำต้องหาคนมาแทนมั่วไปหมดและเขายังไม่เลิกจ้างเรา ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ ม.ค.นี้กลับไปทำงานได้แล้วค่ะ ตอนนี้สนุกมาก ทันทีที่คลอดมาปุ๊บ พี่โอ๊คต้องลางานฟูลไทม์ที่ รพ. แล้วสลับกันดูลูก แล้วโชคดีมากที่มีทั้งคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายผลัดเวรกันมาดูค่ะ”

ที่เรากลับมาทำงานจะมีผลกระทบอะไรไหมเพราะเรายังเดินไม่สะดวก? “ผลกระทบทางการเดินพี่ว่าพี่สู้ (ยิ้ม) รายการที่ถ่ายไปแล้วอย่าง “สมรภูมิพรมแดง” ซึ่งเป็นรายการที่ถ่ายตอนอ้วนมากจริงๆ ตอนนั้นปอล์เพิ่งคลอดได้เดือนกว่าๆ เอง ยังเดินไม่ได้ เขาก็จะให้นั่งเก้าอี้ ซึ่งเขาก็เข้าใจค่ะ”
ช่วงนี้น้ำหนักลดไปเยอะหรือยัง? “ตอนท้องน้ำหนักขึ้นมา 17 กก. ตอนนี้ลงไป 12 กก. แล้วค่ะ ลองเลี้ยงลูกเองแล้วไม่ต้องไปลดน้ำหนักที่ไหนเลยค่ะ จริงๆ พี่โอ๊คก็ห่วง แต่เขาก็เข้าใจว่าเราก็ต้องทำงาน มันคือชีวิต วันที่เขาสั่งห้ามทำงานครั้งแรกในชีวิตแล้วหมอบอกให้นอน รพ. ปอล์ก็รู้สึกว่าถ้าเป็นงานเบาๆ ไปได้ไหม (ยิ้ม) ตัดชุดแล้ว แต่ว่าก็ต้องนอน รพ. ก็เป็นวันเดียวที่ดุ แต่หลังจากนั้นไม่ดุแล้วค่ะ”

สรุปขอมีแค่ 2 คน “ไม่อยากรับปากเลย เราก็กลัวผีผลัก (ยิ้ม) ตอนนี้ 2 คนก็โอเคแล้ว ค่อยๆ เลี้ยงไปก่อนค่ะ ถามว่าทำหมันไหมไม่ทำค่ะ”


Source:  http://www.khaoden.com/2015/12/blog-post_246.html