วันที่ 6 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.นิคม ศรีทอง ร้อยเวร สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งจากกู้ภัยอรัญประเทศว่า มีคนพบศพนักเรียนถูกฆ่าตายอยู่บนถนนลูกรัง บ้านใหม่ซอย 2 ม.1 ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วนำกำลังรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบศพนักเรียนชายนอนเสียชีวิตเลือดไหลเต็มทั้งตัว นอนตายอยู่ในชุดนักเรียน ข้างๆ ศีรษะ มีกระเป๋าสะพายตกอยู่ ข้างศพผู้ตายมีจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีลาโน่ สีขาวชมพู หมายเลขทะเบียน 1 กก สระแก้ว 2892 ของผู้ตายจอดอยู่ ส่วนที่ปลายเท้ามีหมวกกันน็อกของผู้ตายเช่นเดียวกันตกอยู่ สภาพศพนอนตะแตงคว่ำหน้า
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ภ.สระแก้ว จึงให้ตำรวจกองพิสูจน์หลังฐาน เข้าทำการเก็บหลักฐาน พร้อมกับแพทย์โรงพยาบาลอรัญประเทศ สภาพศพถูกยิงเข้าที่ชายโครงด้านซ้ายจำนวน 2 นัด ที่ศีรษะมีรอยถูกฟันด้วยของมีคมเป็นแผลเหวอะหวะ ที่กลางหลังก็ถูกฟันเป็นแผลฉกรรจ์ด้วยเช่นเดียวกัน ทราบชื่อในเวลาต่อมา ผู้ตาย คือ นายภูมิรพี วรนาม อายุ 18 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมอรัญประเทศ อยู่ ม.2 ต.หันทราย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ต่อมามีนายวัลลภ วรนาม เป็น ผอ.โรงเรียนบ้านหนองบัว ต.หันทราย ซึ่งเป็นบิดาของผู้ตายเดินทางมาดูศพลูกชาย เห็นสภาพของลูกชายแล้วถึงกับร้องบอกว่า ทำไม่ถึงทำกันถึงขนาดนี้
โดย ผอ.บอกว่า ระยะหลังตั้งแต่ปีใหม่มาลูกชายชอบกลับบ้านมืดค่ำ ตนเองตักเตือนแล้ว แต่ลูกชายไม่ยอมฟัง ก่อนตาย ตนเองให้ภรรยา โทร.มาหาลูกชายตอนสักประมาณ 3 ทุ่มเศษ ลูกชายบอกว่า จะกลับแล้วแม่ มาทราบข่าวอีกทีก็ถูกฆ่าตายเสียแล้ว
นายสมพงษ์ แก้วกลั่น ผู้มาพบศพเป็นคนแรก เล่าให้ตำรวจฟังว่า หลังตนเองให้ลูกน้องขึ้นอ้อยเสร็จ จึงขับรถกลับบ้าน ก็มาพบผู้ตายนอนจมกองเลือดอยู่แล้ว จึงรีบโทร.แจ้งผู้ใหญ่บ้าน นอกจากนี้นายสมพงษ์ยังบอกอีกว่า ขณะที่ตนเองกำลังคุมลูกน้องขึ้นอ้อยอยู่นั้น ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด สักครู่ก็มีรถจักรยานยนต์ วิ่งออกไป 3 คัน และขับออกไปอย่างรวดเร็ว
จากการสันนิษฐานสภาพที่เกิดเหตุ คาดว่า คนร้ายอาจนัดผู้ตายเข้ามาเจรจาอะไรกัน เพราะถนนลูกรังสายนี้ พอมืดจะไม่มีใครขับรถเข้ามา เพราะเปลี่ยวไม่มีบ้านคน และสภาพที่ผู้ตายล้มลงหลังถูกยิง รถจักรยานยนต์ จอดดับเครื่องและตั้งขาตั้งอยู่ คาดว่าหลังเจรจากันแล้วตกลงกันไม่ได้ จึงยิงผู้ตายก่อนใช้มีดฟันซ้ำ เพราะกลัวไม่ตาย แล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปด้วย
Source: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1452043398
